เดล คาร์เนกี รุก!! ตลาดพัฒนาประสิทธิภาพองค์กร แบบมืออาชีพ สร้างศักยภาพคนไทย รับเทรนด์ที่เปลี่ยนไป พร้อมพัฒนาคนทุกเพศ ทุกวัย
เดล คาร์เนกี ประเทศไทย สถาบันที่ปรึกษาเพื่อการพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กร โดยผ่านการเพิ่มศักยภาพของบุคลากร ซึ่งมีสาขาในประเทศต่างๆ กว่า 90 ประเทศ และให้การฝึกอบรมได้ถึง 30 ภาษา ด้วยประวัติการก่อตั้งมาแล้ว 104 ปี คาดว่าอัตราการเติบโตจะเพิ่มขึ้นตามการขยายกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากแนวโน้มความต้องการตลาดที่เปลี่ยนไป การตลาดแบบเน้นที่รายบุคคลมีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการให้ความรู้แก่วัยรุ่น และบุคคลทั่วไป ปัจจุบันหลักสูตรของเดล คาร์เนกี สำหรับองค์กรแบ่งออกเป็น 6 หลักสูตร คือ 1. การพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership Development) 2. การสร้างความผูกพันในทีมงาน (Team member Engagement) 3. การนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (PresentationEffectiveness) 4. การขายอย่างมีประสิทธิภาพ (Sale Effectiveness) 5. การให้บริการลูกค้า (Customer Service) 6. การพัฒนากระบวนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Process Improvement) โดยหลักพื้นฐานในการพัฒนาของทุกหลักสูตรมีประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ ทัศนคติ องค์ความรู้ และการฝึกฝนพร้อมรับคำชี้นำที่เกิดการเรียนรู้ ซึ่งรากฐานของความสำเร็จมาจาก การพัฒนาความสัมพันธ์ การสร้างความไว้วางใจ ความเชื่อใจ การผูกมิตรอย่างจริงใจกับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อทำให้เกิดความร่วมมืออย่างเต็มใจ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตามที่คาดหวัง
ดร.ปรียกร มิมะพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ เดล คาร์เนกี ประเทศไทย กล่าวว่า ด้วยความที่เรามีประสบการณ์ในการพัฒนาบุคลากรทั่วโลกมากว่า 104 ปี มีสาขาในกว่า 90 ประเทศ ทำให้วันนี้เรามีฐานข้อมูลจำนวนมากที่ยืนยันว่าแนวทางการพัฒนาของเดล คาร์เนกีมีประสิทธิภาพ และนำไปใช้ได้จริงในบริบทต่างๆให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะผ่านการทบทวนและพัฒนาโดย Carnegie University อีกทั้งวิทยากรของเดล คาร์เนกี ต้องผ่านหลักสูตรการพัฒนาอย่างน้อย 250 ชั่วโมงก่อนได้รับการรับรองให้เป็นวิทยากร ทั้งนี้ต้องผ่านการรับรองตามระบบมาตรฐาน ISO 9001:2008 จึงทำให้มั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะเรียนหลักสูตรของเดล คาร์เนกีในประเทศใดก็ตาม ผู้เรียนจะได้ผ่านกระบวนการ และได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน วิทยากรของเดล คาร์เนกีในประเทศไทย มีความหลากหลาย ในสายอาชีพมีความเป็นมืออาชีพ และมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในงานและธุรกิจที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในธุรกิจที่หลากหลายได้ ในช่วงระยะเวลา 20 ปีหลังที่ผ่านมาเราพบว่า แนวทางการพัฒนาตนเองแบบ Self-help ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบหนังสือหรือหลักสูตรการพัฒนาตนเองเป็นที่นิยมและยอมรับของทางฝั่งเอเชียเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากการเติบโตในรายได้ของเดล คาร์เนกี ที่มากกว่าร้อยละ 35 มาจากทางภูมิภาคเอเชีย โดยประเทศที่มีความเติบโตสูง และครองส่วนแบ่งรายได้หลักในเดล คาร์เนกี ได้แก่ ไต้หวัน อินเดีย อินโดนีเซีย เป็นต้น
ในปีที่ผ่านมา ถือว่าเดล คาร์เนกี ประเทศไทย ทำได้ตามเป้าหมาย กล่าวคือมีอัตราการเติบโตร้อยละ 15 แม้ต้องเผชิญกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งในปี 59 สถาบันฯ คาดว่าอัตราการเติบโตจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากเทรนด์ที่เปลี่ยนไป จากอดีต ลูกค้าที่ใช้บริการเป็นกลุ่มลูกค้าหน่วยงาน องค์กร ภาครัฐ ปัจจุบันหลักสูตรของสถาบันฯจัดเป็นทักษะที่มีความจำเป็นสำหรับทุกคน และทุกวัย อาทิ เด็ก วัยรุ่น บุคคลทั่วไป วัยทำงาน และผู้สูงวัย ตลอดจนองค์กรธุรกิจทั่วไป ดังนั้นในปีนี้ สถาบันฯ มีการเน้นการตลาดแบบรายบุคคล และวางเป้าหมายในการขยายตลาดให้ความรู้แก่วัยเด็ก และบุคคลทั่วไปเน้นคุณภาพของวิทยากร และการให้บริการหลังการอบรม เช่น การติดตามผลก่อน และหลังการอบรม โดยมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่างกัน ในภาคเอกชน สถาบันฯ ใช้จุดแข็งของการโค้ชจากจุดแข็ง การสร้างความผูกพัน เครื่องมือการประเมินและงานวิจัยต่างๆ ในการให้ความรู้แก่องค์กร การนำเสนอการติดตามผลลัพธ์จากการอบรมเพื่อให้เห็นผลเชิงรูปธรรม สำหรับกลุ่มลูกค้ารายบุคคล เราพัฒนาการตลาดโดยการสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่ถือเป็นการสื่อสารหลักที่เข้าถึงกลุ่มคนในวงกว้าง เพื่อสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของการมีทักษะที่จำเป็นต่างๆเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดแรงงานในอนาคต โดยเฉพาะปัจจุบันที่ AEC เข้ามามีบทบาทมากขึ้น
การเรียนการสอนของเดล คาร์เนกี ให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าหมายสู่ความสำเร็จ และวางแผนไปสู่เป้าหมายโดยผ่านการบริหารคน การสร้างความมั่นใจในตัวเอง ความฉลาดทางอารมณ์ การรับมือกับความกดดัน และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยในทุกๆ หลักสูตรจะประกอบไปด้วยแนวทางการพัฒนาบุคลากร 70-20-10 คือ การฝึกฝนในงานทำให้เกิดเป็นทักษะได้สูงถึง 70%, การได้รับคำแนะนำจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทำให้เกิดเป็นทักษะได้สูงถึง 20% และการพัฒนาความรู้หรือฝึกอบรมจะทำให้เกิดเป็นทักษะได้ 10% ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการพัฒนาใน บรรยากาศการเรียนของเดล คาร์เนกี กล่าวคือ 70% ของเวลาในการเรียนจะเน้นที่การเตรียมแผนการพัฒนา การฝึกฝนลงมือทำและการได้รับคำแนะนำอย่างใกล้ชิดจากวิทยากรเพื่อให้เกิดเป็นทักษะที่คาดหวัง อีก 20% จะเน้นที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เข้ารับการอบรม เพื่อให้เกิดมุมมองที่แตกต่าง ในส่วน 10% จะเป็นการให้ความรู้ ทฤษฏี หลักการ และวิธีการต่างๆ โดยในปีนี้ เดล คาร์เนกี มีเป้าหมายในการย้ายห้องเรียนมาเรียนบนอินเตอร์เน็ต โดยที่ทางเดล คาร์เนกี อเมริกา เป็นคนจัดการ อีกทั้งเจาะกลุ่มโปรแกรม General Next พัฒนาศักยภาพแก่เด็ก ช่วงอายุ 16 - 22 ปี (มัธยม - มหาลัย)
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เดล คาร์เนกี ประเทศไทย มีโอกาสสนับสนุน และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศไทย และพม่า โดยการพัฒนาข้าราชการ และบุคลากรในระดับบริหารของพม่า ผ่านโครงการการพัฒนาบุคลากรที่จัดโดยสถานฑูตไทยประจำกรุงย่างกุ้ง นอกจากนี้แล้ว กิจกรรมที่ผ่านมาในประเทศไทยของ เดล คาร์เนกี อาทิ การจัดทำโครงการสมรรถนะให้แก่ภาครัฐ หรือการจัดห้องเรียนสำหรับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ตลอดจนในส่วนของกลุ่มเยาวชน เดล คาร์เนกี ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนานักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ ฝ่ายประถม ในหัวข้อต่างๆ ดังเช่นการนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ นักสร้างแรงบันดาลใจ ทักษะสู่ความสำเร็จ และการจัดการความเครียด ซึ่งดำเนินการทุกปีมาเป็นปีที่ 4 แล้ว เราเชื่อว่า "การฝึกฝนเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้คนเก่ง แต่ต้องมีการให้คำแนะนำที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ทั้งจากตัวเองและการเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้ร่วมเรียน ซึ่งหมายถึงความพร้อมของผู้รับคำแนะนำด้วย เพราะการพัฒนาเพื่อให้เกิดทักษะอย่างยั่งยืนนั้น ต้องผ่านกระบวนการ ทั้งการตั้งเป้าหมาย การวางแผน การสร้างพันธสัญญาต่อตนเองในการทำตามที่ตนตั้งใจไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ ที่มีประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่ตั้งไว้" ดร.ปรียกร กล่าวสรุป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น